วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

อมตะ เพลงฮิต เพลงดัง “สายัณห์ สัญญา”


       

อมตะเพลงฮิตเพลงดัง "สายัณห์ สัญญา"


        ถ้าจะกล่าวถึงเพลงดังของพี่ เป้า สายัณห์ สัญญา บทเพลง ล้นเกล้าเผ่าไทย นับเป็นบทเพลงที่สะท้อนตัวตนและความคิดของ พี่เป้า สายัณห์ สัญญา  ที่มีความจงรักภักดี ต่อในหลวงของพวงชนชาวไทยได้เป็นอย่างดี


 
เนื้อร้องท่อนแรกของ  นักเพลงคนจน คงจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิต สายัณห์ สัญญา ได้เป็นอย่างดี และเพลงนี้ใช้เป็นประจำของวงดนตรี ในยุคแรก ๆ ของ นักร้องขวัญใจคนเดิม พี่เป้า สายัณห์  ผู้ขับกล่อมบทเพลงลูกทุ่งมายาวนานกว่า 40 ปี  ชื่อของนักร้องผู้นี้เปรียบดั่งสัญญาลักษณ์แห่งวงการลูกทุ่งมาทุกยุคทุกสมัย 
...สายัณห์ มีเพลงอิต มากมายกว่า 1,200 บทเพลง  จากนักร้องหนุ่มหนุ่มเสียงสูงกังวาน  จนมาถึงเสียงแหบเสน่ห์  แทบจะกล่าวได้ว่าบทเพลงของเขาขึ้นทำเนียบสู่ความเป็นอมตะมาโดยตลอด 
 นักร้องนัยน์ตาฝันนักประพันธ์นัยน์ตาเศร้า ณพนรรจ์ ขวัญประภา  ครูเพลงคู่บารมี ของ  สายัณห์ ที่รู้จักมักจี่เมื่อครั้งที่ทั้งคู่เคยเป็นสมาชิกในวง กังวาลไพร ลูกเพชร ซึ่งต่อมา ได้เป็นผู้จัดการวง พร้อมแต่งเพลงให้ สายัณห์ กว่า 200 เพลง อาทิ แด่คนชื่อเจี๊ยบ http://www.youtube.com/watch?v=p4zhhIOeLSQ/  เสียความรู้สึก  และ ขวัญใจคนเดิม  ฯลฯ  
ขวัญใจคนเดิม ที่มาของเพลงนี้ เพราะ สายัณห์ เคยมีฉายาว่า  ลูกทุ่งขวัญใจกทม.  ก่อนได้รับการยกย่องว่าเป็น ขวัญใจคนเดิม  จากเพลงที่กลั่นกรองออกมาจากปลายปากกาของท่าน
                       
         รักสายัณห์น้อยๆ แต่ขอให้รักนานๆ  ก่อนจะสร้างตำนานประโยคทองนี้  สายัณห์มีบทเพลงออดอ้อนเว้าวอนมิตรรักแฟน อย่างบทเพลง สายัณห์ขายใจ (2522) จากฝีมือการแต่งเพลงของ ณพนรรจ์ ขวัญประภา ถือเป็นเพลงในยุคฟูเฟื่องของนักร้องคนดัง ในยุคที่เรียกศรัทธาจากมหาชนจนทำให้มีตารางเดินสายชุกที่สุด





และบทเพลงที่แจ้งเกิดให้กับสายัณห์  จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อครั้งก้าวแรกในวงการเพลงลูกทุ่ง ได้แก่ แหม่มปลาร้า  และ ลูกสาวผู้การ จากปลายปากกา    ครูเพลง  ชลธี ธารทอง 




     

            รักเธอเท่าฟ้า ของ ครูฉลอง การะเกต เป็นบทเพลงที่ สายัณห์ บันทึกเสียงเป็นครั้งแรก  ซึ่งทำให้เขาพอจะเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอยู่บ้าง  แต่เมื่อเพลง แหม่มปลาร้า  และ ลูกสาวผู้การ โด่งดัง ก็ทำให้เพลง รักเธอเท่าฟ้า ซึ่งเป็นเพลงแรกของสายัณห์อย่างดังเปรี๊ยงขึ้นมาอีกครั้ง




       นอกจากนี้ ครูชลธี ยังเป็นผู้แต่งคำร้องในเพลง กินอะไรถึงสวย ซึ่งนำทำนองเพลงไทยเดิม  ต้นวรเชษฐ์ มาประยุกต์ให้เข้ากับเครื่องดนตรีในวงลูกทุ่ง จนกลายเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่สร้างชื่อให้ สายัณห์ เพลงนี้นักร้องลูกทุ่งรุ่นต่อๆ มายังนำไปบันทึกเสียงออกอัลบั้มเจริญรอยตามความสำเร็จของ สายัณห์ อีกมากมาย และเพลง กินข้าวกับน้ำพริก ของ ผ่องศรี วรนุช เป็นเพลงมาร้องแก้







         หากจะหาเพลงฮิตติดหู  ของสายัณห์ ที่ครูเพลงระดับมือทอง อย่าง ครูลพ บุรีรัตน์ ผู้สร้างชื่อให้นักร้องอย่าง พุ่มพวง ดวงจันทร์ / ผ่องศรี วรนุช/ ยอดรัก สลักใจ และ ศรเพชร   ศรสุพรรณ                     ... ครูลพ เคยแต่งเพลงไว้ให้  ในยุคที่วงการเพลงลูกทุ่งกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด อย่างเพลง คนอกหักพักบ้านนี้ (2522)



     ส่วนเพลง รักติ๋มคนเดียว  ไม่ได้ฮิตแค่ตอน สายัณห์ ­ขับร้องเท่านั้นกลุ่มศิลปินวง  โมเดิร์นด็อก ก็ยังเคยนำท่อนแรกของเพลงนี้ไปใส่ไว้ในเพลง ติ๋ม ในอัลบั้ม Cafe จนดังในเวลาเพียงไม่นาน  ซึ่งเพลง รักติ๋มคนเดียว  แต่งคำร้องโดย ดอย อินทนนท์ ที่บอกเล่าเรื่องราวคนชื่อ  ติ๋ม  ซึ่งมีตัวตนจริงๆ และแต่งเพื่อรำลึกถึงอดีตรักเมื่อครั้งวัยหนุ่ม  ก่อนจะส่งผ่านมาให้สายัณห์เป็นผู้ถ่ายทอดบทเพลงจนโด่งดัง





           บทเพลง ไก่จ๋า แต่งคำร้องโดย ปิยะ ตระกูลราษฎร์ อดีตดาราภาพยนตร์ผู้โด่งดังเมื่อ 30 ปีก่อน และเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของ สายัณห์ ...  ไก่จ๋า  เดินตามสูตรสำเร็จของเพลงลูกทุ่งติดตลาดในยุคนั้น ซึ่งอดีตมักเป็นเพลงรักเว้าวอน ออดอ้อน หรือตัดพ้อ เอกลักษณ์ที่ทำให้เนื้อร้องของ ไก่จ๋า   เป็นต่อ คือการนำชื่อต่างๆ มาอ้างถึงในเชิงรำพัน




        บทเพลงหลายร้อย หลายพันบทเพลง จะขับกล่อมผู้ฟังไปอีกนานแสนนาน แม้สิ้นลมหายใจ ของ เป้า สายัณห์ สัญญา  แต่ไม่สามารถสิ้นเสียงเพลงของนักร้องขวัญใจคนเดิม คนนี้ได้...


ข้อมูลเพลงอีกมากมาย http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%AB%E0%B9%8C_%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2

------------------------------------------------


สายัณห์ เดิมมีชื่อจริงเดิมว่า "สายัณห์ ดีเสมอ"ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "พรสายัณห์ มีโชคดีเสมอ " มีชื่อเล่นว่า "เป้า" เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2496 ที่ตำบลป่าสะแก อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรนายอ่อง และนางบุญช่วย ดีเสมอ ประกอบอาชีพชาวนา
สายัณห์ นิยมชมชอบและรักการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก ตระเวณประกวดร้องเพลงมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน ได้รับรางวัลชนะเลิศมาก็หลายครั้ง โดยมีญาติผู้ใหญ่ที่ชื่อ น้าสว่าง เป็นผู้พาไปสมัครประกวดร้องเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ
ต่อมาเขาไปสมัครเป็นนักร้องอยู่วงดนตรี เทียนชัย สมยาประเสริฐ (สามี ผ่องศรี วรนุช)แต่ยังไม่ได้ออกหน้าเวที จากนั้นได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรี ผ่องศรี วรนุช (แยกตัวออกมาจากเทียนชัย) ตามคำชักชวนของ ราเชนทร์ เรืองเนตร ที่นี่สายัณห์เริ่มออกเวทีในฐานะหางเครื่อง ต่อมาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงด้วย ร้องเพลงแนว ศรคีรี ศรีประจวบ เป็นหลัก สายัณห์อยู่ได้ 3 ปี
หลังจากวงยุบ และได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรีอีกมากมายหลายวง อย่าง "รวมดาวกระจาย" ของ ครูสำเนียง ม่วงทอง , บรรจบ เจริญพร , ก้าน แก้วสุพรรณ และ ชินกร ไกรลาศ
ต่อมาสายัณห์มาอยู่กับวง "รวมพร" ของ คุณเล็ก และ คุณน้อยศรี อิงคะนันท์ เจ้าของปั๊มน้ำมัน พรรุ่งโรจน์ ย่านบุคคโล และได้รับการสนับสนุนจากคนทั้งสองให้บันทึกเสียงเป็นครั้งแรก คือ "รักเธอเท่าฟ้า" ของ ครูฉลอง การะเกต ทำให้เขาพอจะเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอยู่บ้าง พ.ศ. 2515 คุณพ่อเล็ก และคุณแม่น้อยศรี อิงคะนันท์ ออกทุนให้สายัณห์อัดแผ่นเสียง เริ่มต้นจาก เพลงรักเธอเท่าฟ้า และ เพลงพลัดคู่ แต่ก็ไปไม่รอด ที่สุดก็เป็นเด็กล้างรถอยู่ในปี๊มน้ำมันพรรุ่งโรจน์ บุคคโล
เมื่อ ครูชลธี ธารทอง ครูเพลงชื่อดังได้ยินสายัณห์ ร้องเพลงของ ศรคีรี ศรีประจวบ ถูกใจการร้องจึงให้เพลงลูกสาวผู้การ และ เพลงแหม่มปลาร้าแก่สายัณห์
มีการตั้งวงดนตรี สายัณห์ สัญญา เปี พ.ศ. 2516  และ นับตั้งแต่นั้น สายัณห์ ก็ผลิตผลงานออกมาประดับวงการลูกทุ่งเมืองไทยมากมาย ในปี พ.ศ. 2525 สายัณห์ได้ผ่าตัดลำคอทำให้เสียงกลายเป็นเสียงแหบ และได้ฉายาว่า "แหบมหาเสน่ห์"
จากนั้นในปี พ.ศ. 2527 สายัณห์ก็ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างเต็มตัว ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งชายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหลังจากการถึงแก่กรรมของสุรพล สมบัติเจริญ
แม้จะไม่เคยได้รับรางวัลทางการร้องเพลงใดๆ เลยก็ตาม แต่สายัณห์ก็เป็นนักร้องที่มีเสน่ห์ มีคำออดอ้อนแม่ยก แฟนเพลง ผู้สนับสนุน ด้วยประโยคที่คุ้นเคยคือ "รักสายัณห์น้อยๆ แต่รักนานๆ" เป็นรูปแบบของพระเอกลิเก มีการไว้เคราแพะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
ทั้งนี้  สายัณห์เข้าพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งตับ ที่โรงพยาบาลศรีวิชัย ย่านสามแยกไฟฉาย ฝั่งธนบุรี เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556   หลังจากนอนพูดคุยกับครอบครัวที่บ้านพัก แล้วเกิดฟุบหมดสติ เนื่องจากอาการน็อกเบาหวาน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลศรีวิชัย เนื่องจากอยู่ใกล้บ้านที่สุด โดยแพทย์รีบนำเข้ารักษาที่ห้องฉุกเฉินทันที แพทย์พบจุด 4 จุดในตับอ่อน และอยู่ในสภาวะกระจายตัว  จึงนำชิ้นเนื้อไปตรวจ เนื่องจากสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็ง โดยก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน สายัณห์เคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ซึ่งแพทย์ตรวจพบเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือด และก้อนเนื้อขนาด 3 เซนติเมตร ที่ตับอ่อนด้วย   ก่อนจะถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลพระราม 9   และรพ.ธนบุรี กระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 11 กันยายน 2556

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประกาศเลื่อน KBS K-POP WORLD MUSIC FESTIVAL 2013 IN THAILAND



ประกาศเลื่อนการจัดงานกะทันหัน มหกรรมคอนเสิร์ต KBS K-POP WORLD MUSIC FESTIVAL 2013 IN THAILAND (เคบีเอส เคป็อป เวิลด์ มิวสิค เฟสติวัล) ซึ่งเดิมจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2556 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยผู้จัด JMC Entertainment ได้ส่งจดหมายชี้แจงถึงสื่อมวลชน มีเนื้อความดังนี้

เนื่องด้วยสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่เริ่มมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2556 ทำให้ บริษัท เจเอ็มซี เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีการประชุมกันถึงสถานการณ์ดังกล่าว รวมไปถึงพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต แม้ในปัจจุบันสถานการณ์ดูเป็นปกติ แต่เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วนั้นพบว่า ตั้งแต่สนามบินจนถึงสถานที่จัดการแสดงคอนเสิร์ต ศิลปินและทีมงานทุกคนจะไม่ได้รับความสะดวกอย่างแน่นอน มีเหตุผลหลายประการที่พบว่าเป็นเหตุที่ทำให้งานขัดข้อง ไม่ราบรื่น ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
ประการที่หนึ่ง สนามบินจะเป็นพื้นที่ที่ได้รับการดูแลพิเศษอย่างเข้มงวดมากกว่าปกติ หากศิลปินและทีมงานมาจะมีการตรวจรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกอย่างมาก รวมไปถึงในด้านของแฟนคลับที่มารอต้อนรับศิลปินเองจะได้รับการกวดขันให้อยู่ในความสงบ เป็นระเบียบเรียบร้อย หรืออาจถูกสั่งควบคุมให้อยู่ในบริเวณที่จัดไว้ให้อย่างจำกัด
ประการที่สอง การเดินทางของทีมงานและศิลปิน เนื่องด้วยเป็นงานขนาดใหญ่ทำให้มีผู้เดินทางมาถึง 300 ท่าน การเดินทางทำให้ต้องใช้จำนวนรถยนต์โดยประมาณคือ รถบัส 7 คัน รถตู้ 15-20 คัน ซึ่งเมื่อมีการเดินทาง/เคลื่อนย้าย ทำให้ต้องมีการเดินทางเป็นขบวน ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถขอตรวจสอบรถได้(ปฏิบัติตามหน้าที่) โดยหากเกิดกรณีเช่นนี้ในพื้นที่/เขตที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การเดินทางไม่ได้รับความสะดวกและล่าช้า
ประการที่สาม การอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตารวจ ณ สถานที่จัดการแสดงคอนเสิร์ต โดยในวันคอนเสิร์ตปกติแล้วจะต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่ในสนามและด้านหน้างานเพื่อดูแลความเรียบร้อยและตรวจค้นอาวุธ แต่ในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ กำลังตำรวจจำนวนมากต้องคอยเตรียมพร้อมและถูกปรับย้ายกำลังไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ณ สถานที่สำคัญ ทำให้มีกำลังตำรวจดูแลที่น้อยลง และบริษัทฯ มองว่าเป็นการเพิกเฉยต่อความปลอดภัยในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยที่จะให้ตำรวจมาดูแลในงานคอนเสิร์ต แทนที่การดูแลรักษาความสงบสถานที่สาคัญของประเทศไทยในกรุงเทพมหานคร
ประการที่สี่ คอนเสิร์ตในครั้งนี้นอกจากทีมงานและศิลปินจากทางเกาหลีจะมีจำนวนถึง 300 คนแล้ว ยังไม่นับรวมจำนวนทีมงานไทย ผู้ชมกว่า 20,000 คน และแขกผู้ใหญ่ที่ให้เกียรติมาร่วมในงาน ซึ่งงานจัดเป็นสถานที่เปิด อาจมีการแฝงตัวของผู้ไม่หวังดีหรืออาจยึดเอาวันนั้นเป็นที่สร้างสถานการณ์ได้ ทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยอย่างมาก
ประการที่ห้า การสำรองที่พักที่ทางบริษัทฯ ได้จัดไว้ให้ นั้น อยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกับสถานทูตหลายประเทศ ส่งผลให้ในสถานการณ์เช่นนี้มักได้รับการกวดขันดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ส่งผลต่อความไม่สะดวกในการเดินทางของคณะ
ประการที่หก พื้นที่ในการจัดงานนอกจากเป็นสถานที่เปิดแล้วพื้นที่โดยรอบใกล้เคียงยังเคยเกิดเหตุระเบิดหรือมีการเกิดเหตุรุนแรงมาก่อน ดังนั้นด้วยจำนวนผู้เข้าชมมีมากกว่า 20,000 คน หากเกิดเหตุการณ์ใด หรือจำเป็นต้องยกเลิกงานกะทันหัน และต้องเคลื่อนย้ายโดยเร็วจะทำได้ลำบาก ควบคุมได้ยาก ดูแลความปลอดภัยได้ยาก จึงก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งด้านความปลอดภัยของชีวิต และทรัพย์สินของทุกท่าน
ประการที่เจ็ด หากไม่เลื่อนงานแล้วสถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น บริษัทฯไม่ต้องการเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของผู้ชม ทีมงาน ศิลปิน อีกทั้งยังเหมือนเป็นการซ้ำเติมประเทศที่ในยามที่ประเทศเกิดเหตุการณ์ตึงเครียด-ไม่สงบ แต่เรากลับจัดงานรื่นเริง ซ้ำร้ายอาจถูกมองว่ามอมเมาเยาวชนทำให้ไม่สนใจเหตุการณ์บ้านเมือง
และอีกหนึ่งในเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ คือการได้รับโทรศัพท์พูดคุยกับผู้ปกครองที่สอบถามในส่วนของหากอนาคตการเมืองที่สงบลงในตอนนี้รุนแรงขึ้นมา จะสามารถรับรองความปลอดภัยได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากทุกอย่างมักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันทีทันใด แม้บริษัทฯจะมีแผนรองรับแต่ยังคงได้รับความเห็นว่าไม่เพียงพอ และแม้ทำได้จริงก็ยังไม่ปลอดภัย 100% โดยแม้จะมีการประกาศยกเลิก พรบ. หรือไม่ประกาศใช้ พรก. แต่เรายังคงเล็งเห็นถึงการพิจารณาในสภาที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งผลที่ตามมานั้นไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ นี่จึงเป็นทางออกที่ทางเราได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงขอประกาศเลื่อนการจัดงานในวันที่ 17 สิงหาคม 2556 นี้ ไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2557 โดย บริษัทจะเปลี่ยนชื่องาน สถานที่ และรูปแบบของงานใหม่ ทั้งนี้ รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการคืนเงิน และรายละเอียดงานรูปแบบใหม่จะแจ้งให้ทราบแก่ทุกท่านโดยเร็วที่สุด

จึงเรียนให้ทราบมา ณ ที่นี้ และขออภัยอย่างสูง
บริษัท เจเอ็มซี เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด

  
และวันนี้ทวิตเตอร์ของ JMC Entertainment   โพสต์ข้อความ ระบุว่าพรุ่งนี้ ทางบริษัทจะกำหนดกติกาสำหรับการคืนเงินรอบพรีเซลให้ พร้อมสิทธิพิเศษที่กำลังพิจารณาและรอทราบผลสำหรับทุกท่านที่ซื้อบัตรในรอบพรีเซล เพื่อเป็นการตอบแทนที่ท่านสละเวลาและให้การสนับสนุน จึงขออภัยในความล่าช้า และจะประกาศข่าวดีดังกล่าว พร้อมเริ่มคืนเงินอัตโนมัติ สำหรับโซนแฟนโปรเจค ทาง บริษัทจะส่งเมลแจ้งรายละเอียด พร้อมทั้งกรณีพิเศษที่ทาง บริษัทกำลังพิจารณา เพื่อแสดงความขอบคุณที่ให้การสนับสนุน สำหรับใครที่เป็นห่วงเพื่อนชาวต่างชาติ ตอนนี้ ได้ดำเนินการคืนเงินค่าบัตรคอนเสิร์ตให้กับชาวต่างที่ส่งเมลมายืนยันเรียบร้อยแล้ว
หลายคนก็มองว่าการเลื่อนจัดงาน KBS K-POP WORLD MUSIC FESTIVAL 2013 IN THAILAND อาจจะไม่ได้มีปัญหาแค่สถานการณ์ทางการเมืองเท่านั้น อาจจะมีเหตุผลหนึ่งว่าบัตรอาจจะขายได้เท่าที่ควร เพราะศิลปินเกาหลีบินมาเปิดคอนเสิร์ตในประเทศไทย เทียบได้ว่ามีเกือบทุกเดือน หรือมีมิตติ้งบ้าง มีบินมาเปิดตัวสินค้าบ้าง แทบจะแย่งงานดาราศิลปินบ้านเราก็ว่าได้ และบัตรแต่ละครั้งราคาก็สูง  ครั้งนี้แฟนคลับคงยังไม่อยากควักเงิน โดยบัตรครั้งนี้มีราคาตั้งแต่ 6,000 บาท4,500 บาท 3,500 บาท 2,500 บาท 1,500 บาท 1,000 บาท 700 บาท  

และดูรายชื่อศิลปินที่มาร่วมอย่าง EXO-M&EXO-K, BOYFRIEND, SISTAR, 4MINUTE, BTOB, MISS A, WOOYOUNG&TAECYEON(2PM), NINE MUSES, VIXX, C CLOWN, BTS, TINY-G, 100% ก็อาจจะเดาได้ว่ายังมีฐานแฟนคลับในบ้านเราที่หนาแน่นเหมือนวงอื่นๆ 


วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Khun Chang Khun Phaen ขุนช้างขุนแผน วรรณคดีไทยสู่วรรณกรรมโลก

29 กรกฎาคม "วันภาษาไทย" 



ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้          ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา 
ซึ่งผลิดอกออกผลแต่ต้นมา        รวมเรียกว่าวรรณคดีไทย 

        ตามดูเรื่องราว "ขุนช้างขุนแผน วรรณคดีไทยสู่วรรณกรรมโลก" The Tale of Khun Chang Khun Phaen Siam's Folk Epic of Love, War and Tragedy ความงดงานของภาษาไทยที่เราความภาคภูมิใจ
            ดร.คริสโตเฟอร์  เบเคอร์ นักประวัติศาสตร์  และ ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร นักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  หยิบมาแปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษ โดยใช้ชื่อว่า "The Tale of Khun Chang Khun Phaen" Siam's Folk Epic of Love, War and Tragedy ซึ่งยังคงเนื้อหาเดิมทุกประการตามฉบับสมบูรณ์  และได้รับรางวัลระดับโลก เบ็กเกอร์ ไพรซ์ ให้เป็นวรรณกรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้... 

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปาน นักร้องปากร้าย หัวใจธรรมะ


  
 

"ผู้หญิงทุกคนเอาแต่ใจ น้ำตาตกในตบมือข้างเดียว เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ชายไม่รู้ แต่ผู้หญิงเค้ารู้ผู้ชายไม่เกี่ยว"


         หากเอ่ยกิตติศัพท์ของนักร้องหญิงเบอร์ 1 แห่งค่ายอาร์เอส "ปาน-ธนพร แวกประยูร" เจ้าแม่เพลงรัก เนื้อหาบาดใจ ปล่อยเพลงไหนออกมา ก็ดูเหมือนกรีดลึกถึงหัวอกหัวใจผู้หญิงด้วยกัน ทั้งสื่อความตรงไปตรงมาโดนใจแบบเต็ม ๆ ผ่านน้ำเสียงอันทรงพลัง บวกกับมิวสิกวิดีโอแรงท้ากระแสสังคมอยู่เป็นประจำ ทำให้เธอเสมือนเป็นปากเป็นเสียงแทน "สตรียุคใหม่" ให้กล้าลุกขึ้นจิกกัดผู้ชายไม่รักดี



       แต่เบื้องหลังนักร้องปากร้าย กลับมีตัวตนเป็น "คนธรรมะธัมโม" ย้อนแย้งกับภาพเบื้องหน้าอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าอิ่มเอมและรูปร่างที่ไม่ใหญ่เหมือนในจอแก้ว "ปาน ธนพร" เดินเข้ามาทักทายทีมข่าวประชาชาติธุรกิจอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเริ่มบทสนทนาเผยให้เห็นมุมสว่างที่สปอตไลต์ส่องมาไม่ค่อยถึง เพราะนอกจากภารกิจ "จับไมค์ ไฟส่องหน้า" ขึ้นเวทีร้องเพลงแล้ว เธอยังชอบใช้ชีวิต "อยู่ในวัดเป็นประจำ"



"ปานสนใจธรรมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพียงแค่คนนอกไม่ค่อยรู้ เริ่มศึกษาธรรมะจากการอ่าน แล้วลองนำมาปฏิบัติ แต่ก็ไม่อยากเรียกตัวเองว่าเป็นนักปฏิบัติ แค่เป็นนักอ่าน ที่พยายามพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อย ๆ เท่านั้น"

      ถึงแม้เดินสายทัวร์คอนเสิร์ตและงานสอนร้องเพลงจะคิวแน่นเอียดแทบไม่มีเวลาหายใจ แต่สาวปากร้าย ใจบุญ ยังเจียดเวลาขออาสาทำงานเพื่อกุศลโดยไม่คิดสตางค์



     มีเวลาว่างเมื่อใด ก็จะชอบแวะเวียนมาช่วยงานพระที่วัดปทุมวนารามอยู่เป็นประจำ พร้อมยังซุ่มสร้างโปรเจ็กต์ทำเพลงบทสวดมนต์เผยแพร่ลง YouTube


"ไม่ใช่แค่ร้องแต่เพลงทางโลกอย่างเดียว เพลงธรรมะก็ร้องทิ้งไว้หลายเพลง แต่อย่างที่รู้กันว่า เพลงธรรมะค่อนข้างเข้าถึงยาก ไม่เหมือนเพลงทางโลก ทั้งด้วยแรงโปรโมตไม่ค่อยดี อาศัยได้เพียงปากต่อปากกระจายข่าว"


     บทสวดมนต์ที่หลายคนเคยท่องจำสมัยยังเป็นนักเรียน แต่วันนี้บางคนอาจลืมเลือนไปแล้ว เช่น ปางเมื่อพระองค์ปะระมะพุทธ บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นำกลับมาทำบทเพลงใหม่อีกครั้ง ถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังในโอกาสพุทธชยันตี 2,600 ปี เพื่ออยากส่งข้อความถึงพุทธศาสนิกชนทุกคนให้ชนะมารในใจตัวเองให้ได้เสียก่อน นั่นคือ "การชนะใจตัวเอง"



     จุดเริ่มที่ทำให้นักร้องทางโลกหันเหเลือกขับกล่อมบทเพลงทางธรรม ย้อนหลังกลับไป 4-5 ปี ปานได้มีโอกาสทำ "เพลงพุทธคุณ" มียอดชมใน YouTube แตะแสนวิว ถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับเพลงธรรมะ กลายเป็นสะพานทอดให้ปานได้ร้องเพลงธรรมอีกหลายเพลง เช่น เพลงสมเด็จพระสังฆราช เพลงอรุณทอแสงของหลวงพ่อวิริยังค์ หรือเพลงกราบหลวงตา (หลวงตามหาบัว) และกำลังมีโปรเจกต์นำเรื่องพระมหาชนกของในหลวง มาตีความเป็นเพลงคีตชนก

"เมื่อเริ่มร้องเพลงธรรมะเยอะ ๆ น้ำหนักความสบายใจมากขึ้นจริง ๆ จนบางครั้งไม่อยากกลับไปร้องเพลงทางโลก"


     ด้วยพรสวรรค์ "เสียงฟ้าประทาน" ติดตัวปาน-ธนพร มาแต่เกิด ของขวัญชิ้นนี้ช่วยกรุยทางให้เป็นศิลปินโด่งดังยาวนานกว่า 12 ปี แต่อีกมุมหนึ่งเธออยากอุทิศเสียงสวรรค์ เพื่อรับใช้พุทธศาสนา ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่งที่ได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง

     แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะเลือกหันหลังให้เพลงทางโลก เพราะการร้องเพลงธรรมะไปด้วยก็มีธรรมชาติไม่ต่างกันนัก



"เพราะทางโลกก็มีทางธรรม ในทางธรรมก็มีทางโลก ผสมกันไปมาอยู่เสมอ เพราะแท้จริงธรรมะสอนเรื่องธรรมชาติ เมื่อนำมาผสมผสานกันก็จะพบว่าไม่ต่างกัน เพียงแค่พูดกันคนละแบบ ครั้งหนึ่งชีวิตก็เคยตกอยู่ในสภาวะแบบในบางบทเพลง ทั้งเพลงรัก ก็เคยรู้จักรัก เคยเข้าใจตอนเลิกลากับแฟน แต่เมื่อนำมาปรับใช้ ทำความเข้าใจกับชีวิต แล้วก็ต้องรู้จักวาง รู้จักถอยออกมา เพราะเห็นบางคนหลุดเข้าในโลกจินตนาการตามบทเพลง คิดว่าตัวเองอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา ที่สุดแล้วก็ต้องรู้จักปรับสมดุล ใช้แล้วก็ต้องวาง ธรรมะก็เช่นกัน อย่าหลงติดอยู่ในบุญ" ปานทิ้งท้ายอย่างเข้าใจชีวิต

            ปาน-ธนพร เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เจ้าตัวไม่อยากจะร้องเพลงที่ด่าผู้ชายอีกแล้ว และไม่อยากที่จะให้ภาพลักษณ์ของตนเป็นเช่นนั้น ทุกวันนี้จะร้องเพลงธรรมะ และร้องเพลงแบบกลางๆ สบายสบายแทน ส่วนเพลงในแบบฉบับเดิมของตนอาจจะไม่มีมาให้เห็นเป็นอัลบั้ม แต่จะได้เห็นได้ยินในเพลงประกอบละครแทน  โดยเธอไม่ทิ้งสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขอให้ภาพเธอไม่ขาว และไม่ดำ จนเดินไป ....ขอให้เป็นสีเทา
ขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาชาติธุรกิจ