วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


มณฑลกวางซี ประตูบานใหญ่ของจีนที่เปิดสู่อาเซียน






           ประตูอาเซียนเปิดแล้ว  หลายประเทศเรียงแถวเข้ามาผูกมิตร และทำการค้ากันอย่างต่อเนื่อง  เช่นเดียวกับมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน  หนึ่งเมืองที่จะเปิดประตูสู่ประเทศในอาเซียน คือ มณฑลกวางซี  สังเกตง่ายๆ  เมื่อเราลงจากสนามบิน หนานหนิง  นอกจากเมืองสีเขียว ที่เป็นสัญญาลักษณ์แล้ว เรายังเห็นธงชาติของนานาประเทศในอาเซียน รวมถึง ธงไตรรงค์ของประเทศไทยเราด้วย          




      
      ขยายความกันสักหน่อย ทำไม มณฑลกวางซี เป็นประตูสู่  AEC  เพราะที่นี่เป็น เขตปกครองอิสระ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีทั้งหมด 14 เมือง 57 อำเภอ และ 12 อำเภอที่ปกครองตนเอง  มีเมืองเศรษฐกิจหลัก อย่าง   กุ้ยหลิน  หลินโจว  อู่โจว  เป๋ยไห๋  ฝางเฉิงกั่ง และ หนานหนิง  ที่เป็นเมืองเอกรวมอยู่ด้วย  ซึ่งความที่อาณาเขตอยู่ติดกับ อ่าวเป๋ยไห่ หรือ อ่าวตังเกี๋ย มีท่าเรือในการขนส่งสินค้า  มีโรงงานอุตสาหกรรม   และอยู่ติดกับประเทศเวียดนามตะวันตก ทำให้สามารถทำการค้ากับอาเซียนได้อย่างสบายๆ





     


     การที่จะเดินหน้าสู่ประตูอาเซียน ยังมีเรื่องของการติดต่อสื่อสาร และการเผยแพร่ข้อมูล เป็นหัวใจสำคัญเช่นกัน  อย่าง  China Guangxi Television  สถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑล  และ สถานีวิทยุอ่าวเป่ยปู้   รวมทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยว สังคมวัฒนธรรมที่มากับ   การเดินทาง อันแสนจะสะดวกสบาย ด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง ไว้ครั้งหน้า ผมจะมาเล่ารายละเอียดให้ได้อ่านกันนะครับ




วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อนาคต เจ้ามหาอำนาจแห่งความงาม ของไทย

ทุกประเทศล้วนแล้วแต่จะเป็นเจ้าแห่งมหาอำนาจ ด้วยกันทั้งนั้น ความงามก็ไม่แพ้กันขับเคี้ยวกัน มากมาย "เจ้ามหาอำนาจความงามแห่งใหม่ แห่ง AEC และเอเชีย"  เป็นจะเป็น ฟิลิปปินส์ ที่มาแรงความงามที่ฝรั่งยังกลัว เพราะพวกเธอเข้ารอบลึกทั้งนั้น ฟันตำแหน่งมานับไม่ท้วน อย่าคิดว่าเป็นคู่แข่งกับไทยเลย เค้าไปไกลมากแล้ว แค่คิดก็ยังแพ้ ฟิลิปปินส์ไม่มีแค่ประกวดชะนีหน้าสวย ยังมีประกวดชายหล่อด้วย แฟนคลับเชียร์ราวกับประกวดเอเอฟ เดอะสตาร์ บ้านเราล่ะประกวดเงียบๆแอบๆในผับ  คนไทยสนใจนางงามมากไม่งั้นไม่โหวตให้ได้รางวัลมาได้หรอก เวทีนางงามมะม่วง มะพร้าว ส้มโอ มีมากล้นคนจะไม่สนใจได้อย่างไร ... ลิขสิทธิ์ จะเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือเพื่อชาติ(ฝรั่งรู้จักมาเที่ยว) อันนี้ต้องให้คนเก็บไปคิด ประเทศที่ได้มง เพราะเจ้าของสถาบันสอนนางงามเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ดังนั้นต้องสร้างชื่อให้กับหน่อยงานตน หวังเก็บตังค์จากคนที่สมัครเข้ามาเรียน หากบ้านเราได้รับมง ก็อดเล่นละคร เพราะนางงามต้องเดินสายขอบคุณ ทำงานกุศลอีกนานปี กว่าจะมาเล่นละครก็แก่เสียแล้ว สู้ ส่งๆ ไป ไม่ได้ก็กลับมาเล่นละครป้อนช่องใหญ่เริ่ดจะตาย ...

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

ลดน้ำหนักในฤดูใบไม้ผลิ


ลดน้ำหนักในฤดูใบไม้ผลิ


 เรียกได้ว่าสาวๆ ทุกคนต้องรักความสวย “ถ้าไม่สวยก็ต้องตาย” เหมือนคำโฆษณาบนเว็บไซต์ขายเครื่องสำอางของจีน ที่ทำให้เราฟังแล้วต้องสะดุ้ง แต่คำพูดจากประโยคดังกล่าวมันแฝงด้วยนัยว่า ความสวยนั้นสำคัญมากเพียงไรในสายตาของสาวๆ  โดยเฉพาะผู้หญิงยุคใหม่ ความสวยต้องมีมาตรฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น  ผิวสวย หน้าตางาม  นิสัยดี และที่สำคัญคือรูปร่างต้องดีด้วย นั่นหมายถึงเอวบางร่างน้อยอรชรอ้อนแอ้น ตามกระแสแฟชั่นนิยม 


หากจะว่าไปแล้วชาวเน็ตจีนแทบทุกคนจะต้องรู้จัก บทความตอนหนึ่งที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์หลายต่อหลายเพจ   ว่า  เดือนมีนาไม่ลดน้ำหนัก เดือนเมษาก็ต้องโศกเศร้าเอง เดือนพฤษภาทำให้คนอื่นไม่สบายตา เดือนมิถุนาแฟนจะบอกเลิก เดือนกรกฏาแดงแรงผิวดำ เดือนสิงหาร้อนต้องอยู่ในบ้าน เดือนกันยาอ้วนขึ้นอีก เดือนตุลายุ่งกับการหาแฟน เดือนพฤศจิกาไม่มีเพื่อน เดือนธันวารูปร่างเสียหมด เดือนมกราน้ำหนักขึ้น เดือนกุมภาอ้วนจนเพื่อนไม่รู้จัก

โดยข้อความข้างที่กล่าวมานั้นบอกเราว่า เดือนมีนาคมเป็นฤดูใบไม้ผลิของจีน เชื่อว่าเป็นฤดูที่เหมาะกับการลดน้ำหนักที่สุด แต่ถ้าพลาดโอกาสลดน้ำหนักในช่วงนี้ หากปล่อยให่ผ่านไปจนเข้าเดือนเมษายนก็ต้องกลายเป็นเรื่องน่าโศกเศร้า เพราะเมื่อถึงหน้าร้อน สาวๆ ก็อยากใส่กระโปรง แต่ติดที่รูปร่างยังอ้วนอยู่ เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเริ่มเข้าสู่หน้าร้อน ก็ต้องใส่เสื้อผ้าที่บางๆ เผยให้เห็นความอ้วน จนไปขัดหูขัดตาคนอื่น  พอถึงเดือนมิถุนายน แฟนก็ทนไม่ไหวจึงขอบอกเลิก  เดือนกรกฎาคม แสงแดดแรงก็ทำให้ผิวเปลี่ยนสีกลายเป็นคนผิวคล้ำ เดือนสิงหาคมยิ่งร้อนหนักเข้าไปอีกทำให้ขี้เกียจออกกำลังกาย  ส่วนใหญ่หลบแดดอยู่ภายในบ้าน  ทำให้เดือนกันยายนยิ่งอ้วนขึ้น ในเมื่อไม่มีแฟนแล้ว เดือนตุลาคมต้องยุ่งกับการหาแฟน แต่เนื่องจากรูปร่างไม่ดีจึงยังไม่มีแฟน ถึงเดือนพฤศจิกายนเพื่อนฝูงก็หายหน้าไปหมด เพราะที่ผ่านมาไม่มีเวลาให้เพื่อนๆ เลย  เดือนธันวาคมซึ่งเป็นฤดูหนาวของจีน โดยปกติมักจะกินของมันๆ มากขึ้น เลยทำให้เดือนนี้น้ำหนักเพิ่มขึ้น มาถึงเดือนมกราคมก็อ้วนเข้าไปใหญ่  ถึงเดือนกุมภาพันธ์แล้วอ้วนจนเพื่อนๆ ก็จำแทบจะจำไม่ได้เลย


วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

พิธีแต่งงาน ในแบบฉบับของ "พม่า"



เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2557 ชายชาวพม่า 2 คนติน โก โก และเมียว มิน เต๊ต ในชุดประจำชาติ พร้อมดอกไม้ประดับที่หน้าอกเสื้อ และสวมพวงดอกมะลิอย่างเข้าคู่กัน ได้เข้าพิธีแต่งงานต่อหน้าสาธารณชนในโรงแรมแห่งหนึ่งในนครย่างกุ้ง นับเป็นการแต่งงานระหว่างชายรักชายครั้งแรกในประเทศอนุรักษนิยมแห่งนี้ คู่แรกของพม่า
      การแต่งงานนี้เลยทำให้นึกไปถึงพิธีแต่งงานแบบในแบบฉบับของพม่า


พิธีแต่งงานของ "พม่า"



พม่าเรียกการแต่งงาน ในความหมายว่า งานมงคลประสานมือ ภาษาพม่าว่า และทัต-มีงกลา-บแว (]dN5xN,8§]kx:c) คำว่า และทัต(]dN5xN) นั้นเป็นอาการที่ฝ่ายหญิงวางมือลงบนมือของฝ่ายชาย อาจถือเป็นการมอบชีวิตไว้ให้ฝ่ายชายครอบครองดูแล ส่วนญาติมิตรก็จะรดน้ำลงบนมือบ่าวสาวเป็นสักขีพยาน พร้อมสื่อความให้ทั้งสองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวตัดไม่ขาดดั่งสายน้ำ



 

อันที่จริง แม้พิธีแต่งงานจะเป็นพิธีเพื่อการยอมรับทางสังคมและเครือญาติก็ตาม แต่สังคมพม่าก็รับได้ หากจะครองคู่แบบ ตากโสร่งร่วมราว กินข้าวร่วมสำรับ(x6C6bt9oNt9'N ]dNC6"0kt) คืออยู่กินกันโดยไม่ผ่านพิธีแต่งงาน ขอเพียงว่าทั้งชายและหญิงต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีเท่านั้น กระนั้นก็ควรได้รับคำยินยอมจากผู้ใหญ่เสียก่อน แต่ถ้าต่างอายุถึง ๒๐ ปี ก็มีอิสระเต็มที่ นี่ว่ากันตามกฎหมายจารีตของพม่า

 

การเลือกคู่ครองของชาวพม่านั้น ย่อมมีเรื่องค่านิยมมาเกี่ยวข้อง อาทิ อาชีพการงาน ศาสนา เชื้อชาติ และวัย ผู้ชายอาชีพวิศวกร ทหาร กะลาสี ดูจะสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวได้ดีกว่าอาชีพหมอ หรือครู ส่วนชาวพุทธยากที่จะเลือกคู่ครองเป็นมุสลิม ฝรั่งที่อยู่กินกับชาวพม่านั้นหายาก ที่น่าสนใจ ผู้หญิงพม่าน่าจะเคยมีค่านิยมเลือกผู้ชายที่มีอายุอ่อนกว่า เพราะดูแปลกที่ภรรยาอาจเรียกสามีว่า หม่อง (g,k'N) ซึ่งแปลว่า น้องชาย ได้ด้วย

 

หากเอ่ยถึง แม่สื่อ พม่าจะเรียกว่า อ่อง-ตแว(gvk'Nl:pN) แปลว่า ผู้ผูกสมหวัง  แม่สื่อมักจะต้องช่วยทาบทามและต่อรองค่าสินสอด หรือ ตี่งตอง (9'Ng9k'Nt) และไม่เพียงฝ่ายชายเท่านั้นที่ต้องเสียค่าสินสอด ในบางกรณี ฝ่ายหญิงอาจต้องจ่ายค่าสินสอดด้วยเช่นกัน พบได้ในคู่ที่ฝ่ายหญิงมีฐานะการเงินดี ส่วนฝ่ายชายมีตำแหน่งการงานใหญ่โต แน่นอนย่อมไม่ใช่ค่านิยมของคนธรรมดาสามัญ

 

พม่าเชื่อถือในเรื่องชะตาฟ้าลิขิตไม่น้อยเช่นกัน คู่หมายปองที่ดวงไม่สมพงศ์กัน อาจไม่ได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง ด้วยเชื่อว่าชีวิตคู่จะไปไม่รอดแบบว่า นอนหมอนไม่อุ่น(v6"t,gO:t) แต่ถ้าเห็นว่าดวงสมพงศ์กันดี(goho"l'NH) ก็จะปักใจไว้ก่อนว่า แม้จะเป็นบ้า ก็คงไม่อดข้าว (U^tg9k'N 5,'Nt,'9N4^t) วันที่เกิดจึงมีความสำคัญ หากเกิดวันพุธจะเหมาะกับคนเกิดวันเสาร์ แต่ไม่ควรครองคู่กับคนเกิดวันอาทิตย์  ถ้าเป็นคนเกิดวันพฤหัสบดีก็ไม่เหมาะกับคนเกิดวันเสาร์ ด้วยเชื่อว่าจะต้องแยกกันอยู่ ส่วนคนเกิดวันอังคาร พฤหัสบดี หรือ ศุกร์ ไม่ควรอยู่กินกับคนเกิดวันเดียวกัน หากต่างเกิดวันอังคาร ก็จะทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน หากต่างเกิดวันพฤหัสบดี จะขัดสนและอายุสั้น และหากต่างเกิดวันศุกร์ จะต้องลำบากแสนเข็ญ อย่างไรก็ตาม แม้ดวงไม่สมพงศ์ ก็สามารถสะเดาะเคราะห์ได้อยู่ดี

 

หากตกลงปลงใจ ก็เลือกวันแต่ง โดยต้องพึ่งพระพึ่งหมอดูดูฤกษ์ยาม ชาวพุทธพม่าไม่นิยมแต่งในช่วงเข้าพรรษา และจะแนะให้รั้งรอเลี่ยงพรรษา(;jgiak'N) เวลาที่นิยมจึงเป็นช่วงออกพรรษา หรือช่วงหน้าหนาว หากเป็นคนชนบท ก็มักต้องพ้นช่วงฤดูทำนา

 

ในวันแต่งงานนั้น คู่บ่าวสาวนิยมสวมชุดประจำชาติ (U6btik;9N06") ชุดเจ้าบ่าว เป็นเสื้อคอตั้ง แขนยาว สีขาว เรียก และกโดง(]PNd96"t) คลุมทับด้วยเสื้อ ไต้โป่ง(96bdNx6") อาจเป็นเหลืองหรือชมพู และนุ่งโสร่ง ที่เรียกว่า โลงฉี่ (]6"-yPN) ส่วนเจ้าสาวจะสวมเสื้อเอวลอยแขนสามส่วน (ที่เมืองมัณฑะเลยังนิมยมชุดผ้าลูกไม้) นุ่งซิ่นลายตะขอ เรียกว่า เชะ (-yb9N) และห่มสไบ รองเท้าของเจ้าบ่าวเป็นรองเท้าคีบกำมะหยี่ ส่วนเจ้าสาวนิยมรองเท้าส้นสูงหรือส้นตึก

 

หากทำบัตรเชิญ (zb9N0k) ในบัตรนั้น ก็มักจะบอกคุณสมบัติของทั้งสองฝ่ายจนครบถ้วน และถ้าเป็นลูกหลานของผู้มีฐานะหรือตำแหน่งงานสำคัญ ก็จะระบุยศศักดิ์ของพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิด  พม่านิยมแจกของชำร่วยในงานแต่งงานเช่นกัน ที่นิยมเห็นจะเป็นพัด สมุดบันทึก พวงกุญแจรูปนกฮูก  พม่าเชื่อว่านกฮูกเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง บอกถึงหูตาแหลมคม โดยเฉพาะทางการค้าขาย

 

พม่าไม่นิยมของรับไหว้ หรือ และ-ผแวะ(]dNz:ch) เป็นตัวเงิน แต่จะมอบกันเป็นสิ่งของเครื่องใช้ แล้วแต่จะหาให้ได้ อาจเป็นพัดลม หรือตู้เย็น ก็ได้ ส่วนการให้ศีลให้พรแก่คู่บ่าวสาวนั้น มักจะกล่าวว่า ขอให้ครองคู่กันไปจนเฒ่าชรา (v6bgvk'N,'Ntgvk'N gxj'NtEdxjg0) เป็นต้น

 

ในวันแต่ง นอกจากเลี้ยงแขกเหรื่อแล้ว ยังต้องถวายอาหารแด่พระสงฆ์ เรียกว่าพิธีมงคลถวายภัตตาหาร (,8§]kFtC:,Ntgd°t)หากปลูกเรือนหอ ก็จะทำบุญขึ้นบ้านใหม่และฉลองหิ้งพระเสร็จสรรพในคราวเดียว

 

เมื่อแต่งงานก็ย่อมนึกถึงลูกสืบตระกูล พม่านิยมลูกชาย เพราะสามารถบวชทดแทนคุณได้ ใครได้ลูกชายเป็นคนหัวปี ก็จะคุยได้ว่าเป็น ตาฉี่ง (lktia'N) แปลว่า เจ้าของบุตรชาย ส่วนลูกหญิงนั้นดูจะเห็นค่าต่างจากชาย ลูกสาวถือเป็นความกังวลปนความหวัง ดังเปรียบว่าลูกชายร้าย แค่เสือ ลูกสาวร้าย ปานไฟ(lktC6btd dykt l,utC6btd ,ut) แต่กระนั้น ก็ไม่วายที่จะมองว่าลูกสาวมักเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ในวัยชราได้ดีกว่าลูกชาย แต่ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ชาวพม่าจะให้ค่าแก่บุตรธิดาว่า เป็นดุจรัตนะแก้วมณี (i9oklktl,ut) ลูกจึงมีค่าไม่ต่างจากทรัพย์สมบัติของพ่อแม่

 

มีแต่งก็อาจต้องมีหย่า หรือ กว่าชีง(d:kia'Nt) กันได้ พม่าถือเป็นเรื่องอ่อนไหวมาก ด้วยต้องกระทบต่อความรู้สึกของญาติผู้ใหญ่ และไม่พ้นคำนินทาจากชาวบ้าน ยิ่งผู้หญิงหย่าร้าง จะแต่งใหม่ถือเป็นเรื่องยาก พม่าจะเรียกแม่ร้างว่า ตะคุลัต (90N-6]xN)เป็นคำที่ออกจะค่อนแคะ ดังสำนวนว่า แม่ร้างว่างผัว  มิอาจแลกสิบดรุณี (90N-6]xN 90N]'Nd:kdPk90NdybxNOa'NH ,]cO6b'Nxj) นั่นกินความว่า แม่ร้างนั้นไม่มีพรหมจารีที่ต้องเฝ้ารักษา แม้มีค่าดุจมณีร้าว แต่ยังควรคู่ยิ่งกว่าสาวรุ่นดรุณี นับเป็นวจีลดค่า ที่ฟังดูดี

 

ส่วนที่เป็นหม้ายเพราะการตายจากนั้น มักจะได้รับความเห็นใจจากเพื่อนบ้าน หากเป็นพ่อหม้ายจะมีใหม่กลับไม่ถือว่าเกินเลย พม่าเรียกพ่อหม้ายว่า มกโซโบ่ (,6C6btz6b)  ส่วนแม่หม้าย เรียกว่า มกโซมะ (,6C6bt,)

สำหรับคนที่หาเนื้อคู่ หรือ นพูส่า (oz^t0k) ไม่ได้ เชื่อว่าเป็นเพราะกรรมเก่า ก็ย่อมต้องครองโสดกันไป หนุ่มแก่ เรียกว่า หลู่-ปโหย่จี(]^xy7bWdut) ส่วนสาวแก่จะเรียกว่า อะปโหย่จี (vxy7bWdut) แต่พอตายลง เขาจะช่วยแก้กรรมให้ ด้วยการตัดต้นกล้วยเป็นท่อนใส่ไปในโลง ถือเป็นน้ำจิตน้ำใจที่ชาวบ้านพอจะยื่นโยนให้ได้ในวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่มา: อรนุช นิยมธรรม

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

อมตะ เพลงฮิต เพลงดัง “สายัณห์ สัญญา”


       

อมตะเพลงฮิตเพลงดัง "สายัณห์ สัญญา"


        ถ้าจะกล่าวถึงเพลงดังของพี่ เป้า สายัณห์ สัญญา บทเพลง ล้นเกล้าเผ่าไทย นับเป็นบทเพลงที่สะท้อนตัวตนและความคิดของ พี่เป้า สายัณห์ สัญญา  ที่มีความจงรักภักดี ต่อในหลวงของพวงชนชาวไทยได้เป็นอย่างดี


 
เนื้อร้องท่อนแรกของ  นักเพลงคนจน คงจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิต สายัณห์ สัญญา ได้เป็นอย่างดี และเพลงนี้ใช้เป็นประจำของวงดนตรี ในยุคแรก ๆ ของ นักร้องขวัญใจคนเดิม พี่เป้า สายัณห์  ผู้ขับกล่อมบทเพลงลูกทุ่งมายาวนานกว่า 40 ปี  ชื่อของนักร้องผู้นี้เปรียบดั่งสัญญาลักษณ์แห่งวงการลูกทุ่งมาทุกยุคทุกสมัย 
...สายัณห์ มีเพลงอิต มากมายกว่า 1,200 บทเพลง  จากนักร้องหนุ่มหนุ่มเสียงสูงกังวาน  จนมาถึงเสียงแหบเสน่ห์  แทบจะกล่าวได้ว่าบทเพลงของเขาขึ้นทำเนียบสู่ความเป็นอมตะมาโดยตลอด 
 นักร้องนัยน์ตาฝันนักประพันธ์นัยน์ตาเศร้า ณพนรรจ์ ขวัญประภา  ครูเพลงคู่บารมี ของ  สายัณห์ ที่รู้จักมักจี่เมื่อครั้งที่ทั้งคู่เคยเป็นสมาชิกในวง กังวาลไพร ลูกเพชร ซึ่งต่อมา ได้เป็นผู้จัดการวง พร้อมแต่งเพลงให้ สายัณห์ กว่า 200 เพลง อาทิ แด่คนชื่อเจี๊ยบ http://www.youtube.com/watch?v=p4zhhIOeLSQ/  เสียความรู้สึก  และ ขวัญใจคนเดิม  ฯลฯ  
ขวัญใจคนเดิม ที่มาของเพลงนี้ เพราะ สายัณห์ เคยมีฉายาว่า  ลูกทุ่งขวัญใจกทม.  ก่อนได้รับการยกย่องว่าเป็น ขวัญใจคนเดิม  จากเพลงที่กลั่นกรองออกมาจากปลายปากกาของท่าน
                       
         รักสายัณห์น้อยๆ แต่ขอให้รักนานๆ  ก่อนจะสร้างตำนานประโยคทองนี้  สายัณห์มีบทเพลงออดอ้อนเว้าวอนมิตรรักแฟน อย่างบทเพลง สายัณห์ขายใจ (2522) จากฝีมือการแต่งเพลงของ ณพนรรจ์ ขวัญประภา ถือเป็นเพลงในยุคฟูเฟื่องของนักร้องคนดัง ในยุคที่เรียกศรัทธาจากมหาชนจนทำให้มีตารางเดินสายชุกที่สุด





และบทเพลงที่แจ้งเกิดให้กับสายัณห์  จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อครั้งก้าวแรกในวงการเพลงลูกทุ่ง ได้แก่ แหม่มปลาร้า  และ ลูกสาวผู้การ จากปลายปากกา    ครูเพลง  ชลธี ธารทอง 




     

            รักเธอเท่าฟ้า ของ ครูฉลอง การะเกต เป็นบทเพลงที่ สายัณห์ บันทึกเสียงเป็นครั้งแรก  ซึ่งทำให้เขาพอจะเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอยู่บ้าง  แต่เมื่อเพลง แหม่มปลาร้า  และ ลูกสาวผู้การ โด่งดัง ก็ทำให้เพลง รักเธอเท่าฟ้า ซึ่งเป็นเพลงแรกของสายัณห์อย่างดังเปรี๊ยงขึ้นมาอีกครั้ง




       นอกจากนี้ ครูชลธี ยังเป็นผู้แต่งคำร้องในเพลง กินอะไรถึงสวย ซึ่งนำทำนองเพลงไทยเดิม  ต้นวรเชษฐ์ มาประยุกต์ให้เข้ากับเครื่องดนตรีในวงลูกทุ่ง จนกลายเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่สร้างชื่อให้ สายัณห์ เพลงนี้นักร้องลูกทุ่งรุ่นต่อๆ มายังนำไปบันทึกเสียงออกอัลบั้มเจริญรอยตามความสำเร็จของ สายัณห์ อีกมากมาย และเพลง กินข้าวกับน้ำพริก ของ ผ่องศรี วรนุช เป็นเพลงมาร้องแก้







         หากจะหาเพลงฮิตติดหู  ของสายัณห์ ที่ครูเพลงระดับมือทอง อย่าง ครูลพ บุรีรัตน์ ผู้สร้างชื่อให้นักร้องอย่าง พุ่มพวง ดวงจันทร์ / ผ่องศรี วรนุช/ ยอดรัก สลักใจ และ ศรเพชร   ศรสุพรรณ                     ... ครูลพ เคยแต่งเพลงไว้ให้  ในยุคที่วงการเพลงลูกทุ่งกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด อย่างเพลง คนอกหักพักบ้านนี้ (2522)



     ส่วนเพลง รักติ๋มคนเดียว  ไม่ได้ฮิตแค่ตอน สายัณห์ ­ขับร้องเท่านั้นกลุ่มศิลปินวง  โมเดิร์นด็อก ก็ยังเคยนำท่อนแรกของเพลงนี้ไปใส่ไว้ในเพลง ติ๋ม ในอัลบั้ม Cafe จนดังในเวลาเพียงไม่นาน  ซึ่งเพลง รักติ๋มคนเดียว  แต่งคำร้องโดย ดอย อินทนนท์ ที่บอกเล่าเรื่องราวคนชื่อ  ติ๋ม  ซึ่งมีตัวตนจริงๆ และแต่งเพื่อรำลึกถึงอดีตรักเมื่อครั้งวัยหนุ่ม  ก่อนจะส่งผ่านมาให้สายัณห์เป็นผู้ถ่ายทอดบทเพลงจนโด่งดัง





           บทเพลง ไก่จ๋า แต่งคำร้องโดย ปิยะ ตระกูลราษฎร์ อดีตดาราภาพยนตร์ผู้โด่งดังเมื่อ 30 ปีก่อน และเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของ สายัณห์ ...  ไก่จ๋า  เดินตามสูตรสำเร็จของเพลงลูกทุ่งติดตลาดในยุคนั้น ซึ่งอดีตมักเป็นเพลงรักเว้าวอน ออดอ้อน หรือตัดพ้อ เอกลักษณ์ที่ทำให้เนื้อร้องของ ไก่จ๋า   เป็นต่อ คือการนำชื่อต่างๆ มาอ้างถึงในเชิงรำพัน




        บทเพลงหลายร้อย หลายพันบทเพลง จะขับกล่อมผู้ฟังไปอีกนานแสนนาน แม้สิ้นลมหายใจ ของ เป้า สายัณห์ สัญญา  แต่ไม่สามารถสิ้นเสียงเพลงของนักร้องขวัญใจคนเดิม คนนี้ได้...


ข้อมูลเพลงอีกมากมาย http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%AB%E0%B9%8C_%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2

------------------------------------------------


สายัณห์ เดิมมีชื่อจริงเดิมว่า "สายัณห์ ดีเสมอ"ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "พรสายัณห์ มีโชคดีเสมอ " มีชื่อเล่นว่า "เป้า" เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2496 ที่ตำบลป่าสะแก อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรนายอ่อง และนางบุญช่วย ดีเสมอ ประกอบอาชีพชาวนา
สายัณห์ นิยมชมชอบและรักการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก ตระเวณประกวดร้องเพลงมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน ได้รับรางวัลชนะเลิศมาก็หลายครั้ง โดยมีญาติผู้ใหญ่ที่ชื่อ น้าสว่าง เป็นผู้พาไปสมัครประกวดร้องเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ
ต่อมาเขาไปสมัครเป็นนักร้องอยู่วงดนตรี เทียนชัย สมยาประเสริฐ (สามี ผ่องศรี วรนุช)แต่ยังไม่ได้ออกหน้าเวที จากนั้นได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรี ผ่องศรี วรนุช (แยกตัวออกมาจากเทียนชัย) ตามคำชักชวนของ ราเชนทร์ เรืองเนตร ที่นี่สายัณห์เริ่มออกเวทีในฐานะหางเครื่อง ต่อมาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงด้วย ร้องเพลงแนว ศรคีรี ศรีประจวบ เป็นหลัก สายัณห์อยู่ได้ 3 ปี
หลังจากวงยุบ และได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรีอีกมากมายหลายวง อย่าง "รวมดาวกระจาย" ของ ครูสำเนียง ม่วงทอง , บรรจบ เจริญพร , ก้าน แก้วสุพรรณ และ ชินกร ไกรลาศ
ต่อมาสายัณห์มาอยู่กับวง "รวมพร" ของ คุณเล็ก และ คุณน้อยศรี อิงคะนันท์ เจ้าของปั๊มน้ำมัน พรรุ่งโรจน์ ย่านบุคคโล และได้รับการสนับสนุนจากคนทั้งสองให้บันทึกเสียงเป็นครั้งแรก คือ "รักเธอเท่าฟ้า" ของ ครูฉลอง การะเกต ทำให้เขาพอจะเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอยู่บ้าง พ.ศ. 2515 คุณพ่อเล็ก และคุณแม่น้อยศรี อิงคะนันท์ ออกทุนให้สายัณห์อัดแผ่นเสียง เริ่มต้นจาก เพลงรักเธอเท่าฟ้า และ เพลงพลัดคู่ แต่ก็ไปไม่รอด ที่สุดก็เป็นเด็กล้างรถอยู่ในปี๊มน้ำมันพรรุ่งโรจน์ บุคคโล
เมื่อ ครูชลธี ธารทอง ครูเพลงชื่อดังได้ยินสายัณห์ ร้องเพลงของ ศรคีรี ศรีประจวบ ถูกใจการร้องจึงให้เพลงลูกสาวผู้การ และ เพลงแหม่มปลาร้าแก่สายัณห์
มีการตั้งวงดนตรี สายัณห์ สัญญา เปี พ.ศ. 2516  และ นับตั้งแต่นั้น สายัณห์ ก็ผลิตผลงานออกมาประดับวงการลูกทุ่งเมืองไทยมากมาย ในปี พ.ศ. 2525 สายัณห์ได้ผ่าตัดลำคอทำให้เสียงกลายเป็นเสียงแหบ และได้ฉายาว่า "แหบมหาเสน่ห์"
จากนั้นในปี พ.ศ. 2527 สายัณห์ก็ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างเต็มตัว ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งชายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหลังจากการถึงแก่กรรมของสุรพล สมบัติเจริญ
แม้จะไม่เคยได้รับรางวัลทางการร้องเพลงใดๆ เลยก็ตาม แต่สายัณห์ก็เป็นนักร้องที่มีเสน่ห์ มีคำออดอ้อนแม่ยก แฟนเพลง ผู้สนับสนุน ด้วยประโยคที่คุ้นเคยคือ "รักสายัณห์น้อยๆ แต่รักนานๆ" เป็นรูปแบบของพระเอกลิเก มีการไว้เคราแพะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
ทั้งนี้  สายัณห์เข้าพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งตับ ที่โรงพยาบาลศรีวิชัย ย่านสามแยกไฟฉาย ฝั่งธนบุรี เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556   หลังจากนอนพูดคุยกับครอบครัวที่บ้านพัก แล้วเกิดฟุบหมดสติ เนื่องจากอาการน็อกเบาหวาน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลศรีวิชัย เนื่องจากอยู่ใกล้บ้านที่สุด โดยแพทย์รีบนำเข้ารักษาที่ห้องฉุกเฉินทันที แพทย์พบจุด 4 จุดในตับอ่อน และอยู่ในสภาวะกระจายตัว  จึงนำชิ้นเนื้อไปตรวจ เนื่องจากสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็ง โดยก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน สายัณห์เคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ซึ่งแพทย์ตรวจพบเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือด และก้อนเนื้อขนาด 3 เซนติเมตร ที่ตับอ่อนด้วย   ก่อนจะถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลพระราม 9   และรพ.ธนบุรี กระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 11 กันยายน 2556